สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี
อนุเสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
ตั้งอยู่กลางเมืองอุดรธานีพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมเป็นพระราชโอรสใพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และเจ้าจอมมารดา สังวาลย์ ประสูติเมื่อปีพุทธศักราช 2399 ทรงดำรตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ เรียกว่า มณฑลอุดรในสมัยต่อมา ระหว่าง ร.ศ .
112-118 ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมืองอุดรขึ้นเมื่อ ร.ศ
112 ทรงจัดวาง ระเบียบ ราชการปกครองบ้านเมืองและรับราชการ ในหน้าที่สำคัญต่างๆซึ่งอำนวยประโยชน์สุขแก่ราษฎรนานัปการอนุสาวรีย์พระองค์ท่าจึงนับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของชาวจังหวัดอุดรธานี
ตราบเท่าทุกวันนี้
ศาลหลักเมืองอุดรธานี
ศาลหลักเมืองจังหวัดอุดรธานีเป็นที่เคารพศักการะของชาวจังหวัดอุดรธานี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง
อยู่ที่บ้านเชียง
ตำบลบ้านเชียง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ด้านขวาของทางเข้า อยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เป็นที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็น นิทรรศการถาวรซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดิน
ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของ บ้านเชียงในอดีต ตลอดจนเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ นอกจากนั้นภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยายฉายภาพยนตร์ ฉายภาพนิ่งและการให้บริการการศึกษาต่าง ๆ การเดินทางไปจากตังจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 22 (อุดรธานี-สกลนคร) ตรงกิโลเมตรที่ 50 เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225 อีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.
ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ด้านขวาของทางเข้า อยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เป็นที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็น นิทรรศการถาวรซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดิน
ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของ บ้านเชียงในอดีต ตลอดจนเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ นอกจากนั้นภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยายฉายภาพยนตร์ ฉายภาพนิ่งและการให้บริการการศึกษาต่าง ๆ การเดินทางไปจากตังจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 22 (อุดรธานี-สกลนคร) ตรงกิโลเมตรที่ 50 เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225 อีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.
หนองประจักษ์ศิลปาคม
อยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี
เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งเมืองอุดรธานี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก
ของตัวเมือง
บริเวณตัวเกาะกลางน้ำไจัดทำสวนหย่อมปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิดและทำสะพานเชื่อมระหว่างเกาะ
มีน้ำพุ หอนาฬิกา และสวน เด็กเล่น
วัดบ้านตาด
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตาด เดินทางออกจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (อุดร-ขอนแก่น)
ถึงบริเวณสี่แยกบ้านดงเค็งแล้วแยกขวาเข้าไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร ถึงบริเวณวัด
สภาพโดยทั่วไปของวัดนี้มีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าบนโคกเนินที่ล้อมรอบด้วยกำแพงคอนกรีต มีประตูเข้าออกเป็นประตูใหญ่ อยู่บริเวณด้านหน้าของวัด
การจะเข้าไปในวัดต้องขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสเสียก่อน
ในบริเวณวัดมีสัตว์ป่าชุกชุมมาก ทั้งไก่ฟ้า ไก่ป่า นก กระรอก กระแต หมูป่า
วัดบ้านตาดเป็นที่พำนักของพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน พระอาจารย์วิปัสสนา สายพระอาจารย์มั่น
ภูริทัตโต ภายในวัดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่
ต้องการไปปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะ
สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์
ตั้งอยู่ที่ซอยกมลวัฒนาถนนรอบอุดร-หนองสำโรง
จากตัวเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เลยแยกถนนเลี่ยงเมืองไปเล็กน้อย ทางซ้ายมือจะมีแยกเข้าหนองสำโรง
และมีป้ายบอกทางเข้าสวนกล้วยไม้ทางด้านซ้ายมือ สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์เป็นสวนกล้วยไม้ที่ผลิตกล้วยไม้กลิ่นหอมพันธุ์ใหม่ของไทย
ซึ่งใช้เวลาในการค้นคว้าและผสมพันธุ์ถึง 10 ปีเศษ ชื่อพันธุ์
Udon Sunshine พันธุ์นางสาวอุดรซันไฌน์
ซึ่งมีการนำไปสกัดทำน้ำหอมในชื่อเดียวกัน ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. (042)
242475
วัดโพธิสมภรณ์
ตั้งอยู่ที่ตำบลหมากแข้ง
เป็นวัดที่สร้างในสมัย รัตนโกสินทร์ ปลายรัชกาลที่ 5
วัดมัชฌิมาวาส
วัดมัชฌิมาวาส ตั้ง อยู่ที่ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง
เดิมเคยเป็นวัดร้างมาก่อน ชาวบ้านิยมเรียกว่าวัดเดิมหรือวัดเก่า ในวิหารเล็กๆ ภายในวัด
มีพระพุทธรูปหินสีขาวปางนาคปรกประดิษฐานอยู่
ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อนาค" เป็นที่เคารพสักการะ ของชาวอุดรธานีมาก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕
กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
ได้โปรดให้สร้างวัดขึ้นที่วัดร้างโนนหมากแข้ง และให้ชื่อว่า
"วัดมัชฌิมาวาส"
ศาลเจ้าปู่-ย่า
ศาลเจ้าปู่ย่า เทพเจ้าแห่งความเมตตา
ได้รับกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์
แผ่ความเมตตาแก่คนยากไร้
ผู้ใดมีทุกข์โศก
มักจะไปจุดธูปขอให้ความทุกข์ที่มีอยู่สลายไป
หรือไปบนบานศาลกล่าวขอให้การค้าเจริญรุ่งเรืองและมักจะได้บารมีจากเทพเจ้าปู่ย่า ดลบรรดาลให้สมหวังในสิ่งที่ขอ บริเวณโดยรอบมีศาลาชมวิวกลางน้ำ 2 หลัง สร้างอย่างวิจิตรสวยงาม
อยู่ในเขตเทศบาลตามถนนนิตโยทางไปจังหวัดสกลนคร ผ่านทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ
100 เมตร
หมู่บ้านนาข่าและศูนย์หัตถกรรมบ้านเม่น
อยู่ในเขตอำเภอเมือง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 16 กิโลเมตร
ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) ไป 16 กิโลเมตร
จะมีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3,430 ไร่ ในเขตบ้านติ้ว
ตำบลเมืองพาน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 2
เส้นอุดรธานี-หนองคาย ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 13 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข
2021 ไปทางอำเภอบ้านผือ ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร แยกขวาประมาณ 500 เมตร
และตรงไปตามเส้นทางหมายเลข 2348 อีกประมาณ 12 กิโลเมตร
มีแยกขวาเป็นทางเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่ซึ่งแสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์
และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศซึ่งมีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกขัดเกลาจากขบวนการกัดกร่อนทางธรรมชาติทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่าง
ๆ กัน ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ
พระพุทธบาทบัวบก ตั้งอยู่บริเวณทางแยกซ้ายมือก่อนถึงที่ทำการอุทยานฯสร้างขึ้นระหว่าง
พ.ศ. 2463-2477 คำว่า "บัวบก"
เป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นตามป่า มีหัว และใบคล้ายใบบัว
ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ผักหนอก
บัวบกนี้คงจะมีอยู่มากในบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท จึงเรียกรอยพระพุทธบาทนี้ว่า
"พระพุทธบาทบัวบก" หรือคำว่าบัวบกอาจจะมาจากคำว่า บ่บก ซึ่งหมายถึง
ไม่แห้งแล้ง รอยพระพุทธบาทมีลักษณะเป็นแอ่งลึกประมาณ 60 เซนติเมตร
ลงไปในพื้นหินยาว 1.93 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร
เดิมมีการก่อมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2465 พระอาจารย์ศรีทัตย์
สุวรรณมาโจ ได้รื้อมณฑปเก่าออกแล้วสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นใหม่
และยังสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองวางทับรอยพระพุทธบาทเดิมไว้
ภายในพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ตัวองค์เจดีย์เป็นทรงบัวเหลี่ยมคล้ายองค์พระธาตุพนม
มีงานนมัสการพระพุทธบาทบัวบกในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น